เรื่องสำคัญที่ร้านอาหาร ไม่รู้ และมักไม่ได้ให้ความสำคัญคือ เพลงในร้านอาหาร วันนี้ FOURLEAF ได้สัมภาษณ์ ณรงค์เวทย์ ตันติกิจ หรือ ชื่อในวงการ Q Narongwate เกี่ยวกับเรื่องความสำคัญ ของเพลงในร้านอาหาร ว่าทำอย่างไร ร้านอาหารจึงจะมีเพลงที่เหมาะสมกับบุคลิกของร้านได้
สิ่งที่คุณจะได้จากบล็อกนี้
- คุณจะได้ทราบว่า เพลงมีผลต่อการตัดสินใจ และ การกลับมาใช้บริการซ้ำอย่างไร
- คุณจะได้เทคนิคง่ายในการ เลือกเพลง ที่เปิดในร้าน จากคำแนะนำจากมืออาชีพ
- คุณจะสามารถพัฒนา playlist ของร้าน มีเพลงที่เปิดภายในร้าน และ เพิ่มยอดขายได้
ฟังคลิปเสียง FOURLEAF สัมภาษณ์ Q Narongwate
Transcript : สิ่งที่คุณไม่รู้ เกียวกับ เพลงในร้านอาหาร
Q Narongwate: จริงๆก็เป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัว แต่ส่วนมากร้านอาหารก็จะมองข้ามในจุดนี้ จะไปให้ความสำคัญในเรื่องอื่นมากกว่า แต่ในบางที่ ที่มองเห็นว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จะมาเพิ่มยอดขายให้เขาร้านได้ เขาก็จะกล้าที่จะลงทุน ที่จะจ้าง ดีเจ หรือ ซื้อ playlist ที่แพงๆมาไว้ในร้าน หรือไปหาดนตรีที่เหมาะสมกับร้าน ไปจ้างดีเจ มาเปิดเพลงในวันสุดสัปดาห์ ส่วนวันธรรมดา ก็อาจจะเป็นเพลงจาก playlist รันไป ก็แล้วแต่รูปแบบ แต่ ทั้งหมดทั้งปวงนี้คือ ดนตรี มันมีผลในการเพิ่มยอดขายให้ได้ ส่วนจะจะกี่เปอร์เซ็นต์ไม่รู้ฮะ แต่ว่ามันผลแน่ๆ เพราะการที่เราไปนั่งทานอาหารมันมีองค์ประกอบเยอะแยะ มันมีองค์ประกอบนอกจาก เต็มไปหมด ทั้งการบริการ สีของร้านก็มีผล ร้อนเกินไป หนาวเกินไป เพลงดังเกินไป ก็มีผลหมด
แต่ถ้าพูดในส่วนของดนตรี มันก็แค่ เราขายอะไร อาหารเรา อารมณ์ประมาณไหน และ เราควรจะเล่นกับเพลงยังไง มันไม่ยาก และ มันก็ไม่ง่าย บางร้านเค้าถึงต้องจ้างคนมาดูแลเรื่องนี้ ก็คือดีเจ มาดูว่าทิศทางในคืนนั้น ควรจะเป็นยังไง ถ้าเขาได้ดีเจดีๆก็ลงตัว ถ้าได้คนที่เปิดเพลงไม่เข้าใจในคอนเซ็ปท์ร้าน มันก็ไม่ต่างกับการที่เข้าไปในร้านที่เข้าเล่น playlist ห่วยๆ แล้วเรานั่งก็ เราไม่อยากจะนั่งนานๆ ไม่อยากจะใช้เวลาในร้านนั้น และ ก็ไม่อยากจะกลับมา เพราะว่าจริงๆแล้วถ้าให้มอง สมมติถ้าเราไปนั่งดื่มในบาร์คอกเทลสักที แล้วเพลงงมันใช่ ฟังแล้วมันใช่กับคอกเทลที่เราดื่ม โอกาสที่ เราจะสั่งแก้วต่อไป หรือแก้วสาม แก้วสี่ มันมี กับการที่เข้าไปแล้วเจอเพลงที่รำคาญรกหูไปหมด ซึ่งมันก็เกี่ยวกับรสนิยมด้วย ตรงนั้นก็ต้องแยกไปอีก แต่โดยรวม ถ้าเพลงมันไม่ดี มันไม่ถูกกับรสนิยมเรา ก็อาจจะจบแค่นั้น
ส่วนร้านที่เค้าจ้าง DJ ไปเปิดเพลง หนึ่งชั่วโมงของเขามันมีมูลค่ามาก กับการที่มีคนรัน playlist ดีๆ กับไม่มีเลย ยอดขายมันจะต่างกันนะ ระหว่างวันที่มีดนตรี กับวันที่ไม่มีดนตรี ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายๆที่มองข้ามไป จริงๆก็อาจจะไม่ต้องจ้างดีเจมาเล่นก็ได้ แค่ต้องหา playlist ที่มันเหมาะกับร้านตัวเอง และ ที่สำคัญก็ต้องให้ถูกลิขสิทธิ์ เพราะมันมีรายละเอียดพวกนี้มาเป็นกรอบอยู่ด้วย
FOURLEAF: เป็นแนวคิดที่ดีมาก แต่อยากถามต่อว่าเจ้าของร้านอาหาร ที่คุณคิวมองว่าเค้า ไม่เปิดเพลง หรือ เขาเลือกเพลงผิด หรือ เขามีข้อผิดพลาดตรงนี้ บางคนอาจจะรู้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียม ต้องแก้ ยังไง หรือ บางคนอาจจะไม่รู้เลย ในฐานะที่คุณเป็น Music Producer คุณมีวิธีแนะนำใหมครับ ว่าถ้าร้านเขาไม่รู้ตัว ว่าเพลงที่เปิดมันใช่ใหม เขาควรจะเลือกเพลงไหนมาเปิด
เช่น ร้านกาแฟ ผมให้ 80% เลยเปิดเพลง Bossanova ซึ่ง ในความรู้สึกของเราเอง เรารู้สึกว่าร้านกาแฟ แต่ละร้าน การตกแต่งแต่ละแบบ รสชาติของกาแฟ แต่ละสถานที่มันก็ไม่ได้เข้ากับเพลง Bossanova ไปซะทั้งหมด คุณ คิว มีวิธีแนะนำใหม ที่จะทำให้คนที่ทำร้านอาหารหลายๆแบบ เช่นร้านกาแฟ ร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารอีสาน ร้านอาหารริมทะเล หรือ ค็อกเทลบาร์ จะเลือกเพลงที่ถูกต้องได้ หรือ อย่างน้อยก็ให้เพลงที่เขาเลือกมา จะไม่ส่งผลเสียกับร้าน มีอะไรจะแนะนำใหมครับ
Q Narongwate: ก็ต้องทำการบ้านเยอะๆ เรื่องนี้มันไม่มีใครผิดใครถูก มันอยู่ที่การใฝ่รู้ การหาข้อมูล การพัฒนาตัวเอง ว่าร้านเราเป็นยังไง ตัวตนของร้านเป็นยังไง จริงๆมันมีรายละเอียดเยอะ เรื่องของเรื่องคือต้องทำการบ้าน หรือถ้าไม่รู้จริงๆก็ต้องหาคนที่รู้ เหมือนเราจะสร้างบ้านสักหลัง เราไม่รุ้ว่าจะต้องเริ่มยังไง เราก็ต้องไปปรึกษาสถาปนิก เพลงเหมือนกัน เราก็ต้องไปปรึกษาคนที่เขารู้ อาจจะถามก็ได้ ไม่ถึงต้องขั้นจ้าง เช่น หาฟังที่ไหน มีอะไรแนะนำใหม ตัวอย่างเพลงเป็นอย่างไร หาฟังที่ไหนได้บ้าง ลักษณะร้านเราเป็นแบบนี้แล้วควรจะทำยังไง ช่องทางในการหาความรู้พวกนี้มันไม่ยาก มันอยู่ที่ตัวเจ้าของร้านอาหารเองว่าจะกระตือรือร้นในการพัฒนาร้านไปในทิศทางอย่างไร
ถ้าขายแล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ให้เราไปบอก อย่างไรเขาก็ไม่สนใจ แต่ ถ้าเขามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขามองข้าม ไม่เคยมองเรื่องดนตรีมาก่อน เขาก็ต้องเริ่มหันไปมองว่า จะเอาดนตรีอย่างไร มาอยู่ในร้าน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องถามตัวเจ้าของเองว่าร้านเขาเป็นอย่างไร ตอบยากว่าเพลงไหนเป็นเพลงที่ใช่ อย่างร้านกาแฟ เปิด Bossa มันเป็นเหมือนแพทเทิร์นสำเร็จรูปไปแล้ว ร้านกาแฟต้องได้ยิน Jazz หรือ Bossa ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นเลย เปิดเพลงร๊อคก็ได้ มันอยู่ที่องค์ประกอบของร้านว่าเป็นอย่างไร แค่นั้นเอง
คนฟังเพลงมีหลากหลาย ช่วงเวลาก็สำคัญ ตอนเช้ามาจะมาโครมๆเลยก็ไม่ได้ เราเลือกให้เหมาะช่วงเวลา รูปแบบของร้าน แต่ละเวลารันเวลาไหน เช้าแบบหนึ่ง สายๆอีกแบบหนึ่ง บ่ายอีกแบบหนึ่ง ตอนค่ำต้องอีกแบบหนึ่งเพราะขายอาหาร เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่รู้ เราก็ต้องขอคำแนะนำจากคนที่เขารู้ ที่เขามีประสบการณ์ ถ้าให้แนะนำตอนนี้ ง่ายที่สุดก็คือ YouTube เข้าไปดู Playlist ลองค้นดู ลองฟังดู แล้วนึกภาพดูว่าถ้าเรามาใช้ในร้านมันจะเป็นอย่างไร
ติดตามผลงานของ : Q Narongwate
Comments are closed.