ถ้าคุณเป็นคนที่ยังมีการลังเลเกี่ยวกับ Software ที่เป็นการชำระค่าบริการแบบ Subscription รายเดือน หรือ รายปี ในบทความนี้ผมจะให้ข้อมูลเกียวกับความต่างของ โปรแกรมร้านอาหารขายขาด เปรียบเทียบกับ App ระบบร้านอาหาร แบบ Subscription หรือ เรียกว่าการชำระค่าบริการ Application แบบรายเดือน และ รายปี และสิ่งที่คุณจะต้องเจอ หลังจากใช้งาน โปรแกรมแบบขายขาด แต่พวกเขาไม่เคยบอก
เราเองสงสัยว่าการขาย ซอฟท์แวร์ขายขาด นี่มันมีจริงหรือ การทำแบบนี้จะคุ้มกับการลงทุนลงแรงพัฒนาโปรแกรมหรือ และ สิ่งที่เราได้ยินจากผู้ที่ใช้งาน ที่โดนทิ้งขว้าง ขาดการดูแล เพราะคำว่าซื้อขาดถูกทำให้ ดูเหมือนจะถูกกว่า จนกระทั้งมาเจอกับเรา จึงอธิบายให้เข้าใจว่า การใช้ software คือการใช้บริการ ไม่ใช่การซื้อสินทรัพย์ ดังนั้นการซื้อบริการ ที่ต้องใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยที่จ่ายเพียงครั้งเดียว มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สวนทางกัน
มาเริ่มจากสิ่งที่คุณจะต้องเจอจากการใช้โปรแกรมร้านอาหารแบบขายขาด
- ต้องทนใช้ โปรแกรมเก่าล้าสมัย ที่ขาดการอัพเดท และ อุดมไปด้วย บั๊ค
- เมื่อซื้อมาแล้ว ต้องทนใช้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ
- ค่าซอฟต์แวร์ อาจดูไม่แพงนัก แต่ยังมี คอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์เชื่อมต่ออีกมากมาย ที่ต้องซื้อ
- ต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ทุกครั้งที่มีการอัพเดทเวอร์ชั่น
- หากต้องการความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค ก็จะโดนเรียกเก็บเงินค่า บริการแก้ปัญหา
- ซื้อกับบริษัท ที่พึ่งเปิดไม่นาน หรือ ไม่เป็นที่นิยม ต้องรับความเสี่ยงที่ บริษัท อาจจะปิดตัวลง ได้ทุกเมื่อ และเลิกซัพพอร์ต เมื่อทำยอดไม่ได้ตามเป้า
ต่อจากนี้มาดูสิ่งที่คุณจะได้รับ จากการเลือกผู้ให้บริการ App ระบบร้านอาหาร แบบ Subscription กัน
ซอฟต์แวร์ที่ให้บริการแบบราย เดือน และ รายปี เป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลกในปัจจุบัน และ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เป็นวิธีที่บริษัทไอที สมัยใหม่นิยมใช้ เนื่องจาก เปรียบเทียบคล้ายกับการเป็นสมาชิกรายปี คือการเสนอ การให้บริการ เพื่อ ผู้ใช้บริการแบบ Win – Win ทั้งสองฝ่าย ข้อดีเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ซื้อ และ ผู้ขาย เนื่องจากการใช้บริการ Subscription นั้นเป็นเหมือนคำมั่นสัญญา Software จะเป็นเหมือนองค์ประกอบหนึ่งของการทำธุรกิจที่ไม่ต่างจาก น้ำ, ไฟฟ้า หรือ อาคารสำนักงาน หากผู้ให้บริการนั้น ให้บริการได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ ผู้รับบริการก็จะสามารถเปลี่ยนไปใช้บริการจากผู้ให้บริการรายอื่นโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ
ข้อดีต่อไปนี้ ผมจะช่วยให้คุณเห็นข้อดีของ โปรแกรมร้านอาหาร ที่มีการชำระ ค่าบริการแบบ Subscription รายปี ที่ได้เปรียบ โปรแกรมร้านอาหารขายขาด ดังต่อไปนี้
ได้ใช้ซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นใหม่อยู่เสมอ
เนื่องจากผู้ให้บริการ จะต้องทำการอัพเดทเวอร์ชั่น เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัพเดทเป็น ซอฟท์แวร์ ที่มีความล้ำสมัยอยู่เสมอๆ ที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถที่จะได้ ใช้ความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ส่วนใหญ่แล้ว บริษัทผู้ให้บริการ จะไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการในการอัพเกรดเวอร์ชั่นใดๆเพิ่ม ต่างกับ ซอฟท์แวร์ขายขาด ที่เมื่อผู้ใช้งานต้องการใช้เวอร์ชั่นใหม่ ก็จะต้องเสียเงินซื้อเวอร์ชั่นใหม่ไปเรื่อยๆ
จากข้อนี้ให้ลองพิจารณาดูอย่าละเอียด ในสองจุดนี้ ในเรื่องความคุ้มค่า
- Subscription รายปี ที่ได้รับการอัพเดทฟรีตลอดไป ตราบที่ยังสมัครใช้งานอยู่
- แบบขายขาด ที่ต้องซื้อใหม่เพื่ออัพเดท หากไม่อัพเดท โปรแกรมก็มีช่องโหว่ เนื่องจากไม่เข้ากับระบบปฏิบัติการ
ภาพโปรแกรม Microsoft Office ที่เคยขายขาดเป็นการซื้อขาดครั้งเดียว เปลี่ยนมาพัฒนาเป็น Office365 และใช้ระบบ Subscription
ใช้แค่ไหน จ่ายแค่นั้น
การใช้บริการแบบ Software as a service และ Cloud คือเทคโนโลยีที่ทำให้ ระบบร้านอาหาร ราคาถูก อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ใช้แค่ไหนจ่ายแค่นั้น เพราะมีการใช้ Cloud Technology เข้ามาแบ่งเบาภาระในการลงทุนด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ช่วยให้การลงทุนในระบบซอฟท์แวร์ของเจ้าของธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ในกรณีที่ธุรกิจนั้น จะใช้ความสามารถพิเศษ หรือ มีการซื้อแพกเกจที่ใหญ่ขึ้น หรือ ใช้งานในปริมาณที่มากขึ้น ต้องการเพิ่มใช้ความสามารถที่ซับซ้อนขึ้น จึงจะมีค่าบริการในส่วนที่เพิ่มเติม ด้วยระบบแนวคิดที่ว่า ใช้แค่ไหน จ่ายแค่นั้น ทำให้เจ้าของธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้น สามารถที่จะเริ่มธุรกิจได้ง่ายกว่าโดยที่แทบจะไม่ต้องคิดมากในเรื่องเงินลงทุนของซอฟท์แวร์ และแนวโน้มค่าบริการของ Software as a service ก็ยังมีแนวโน้มที่จะมีราคาต่ำลงอีกด้วย
ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ราคาแพง
ด้วย Cloud Technology ทำให้ธุรกิจไม่จำเป็นที่จะต้องซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงจำนวนมาก และแทบจะไม่ต้องอัพเกรดคอมพิวเตอร์อีกเลย ยกตัวอย่างเมื่อใช้ โปรแกรมร้านอาหาร ไปเป็นเวลานานก็ต้องมีการอัพเกรดพื้นที่เก็บข้อมูลหรือ hard drive แต่การใช้งาน App ที่ใช้การ Subscription ก็เท่ากับว่าคุณได้รวมเอาการอัพเกรดต่างๆไปรวมอยู่แล้ว ลดภาระในการดูแลระบบไปมาก
ยกตัวอย่างการให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูล Google Drive ของบริษัท Google ที่ทำให้ผู้ใช้งานมีพื้นที่เก็บไฟล์มากถึง 1TB โดยที่ไม่ต้องซื้อ Harddrive และมีราคาถูกลงเรื่อย ในปี 2012 ราคาต่อ 1TB คือ $49.99 ปัจจุบันราคา $9.99 ต่อ 1TB หรือเพียงแค่ 350บาท ต่อเดือนเท่านั้น
ความมั่นใจในการบริการหลังการขาย
การลงทุนในซอฟท์แวร์ ระบบร้านอาหาร แบบ Subscription รายปี นั้นช่วยให้เจ้าของร้านอาหารมั่นใจ ในการบริการ เนื่องจากหากผู้ให้บริการซอฟท์แวร์ ไม่สามารถให้บริการที่ดีพอกับผู้ใช้งานแล้ว ผู้ใช้งานเองก็มีสิทธิ์ที่จะหยุดใช้งาน ซอฟท์แวร์ หรือ เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับ บริษัทซอฟท์แวร์นั้นได้เช่นกัน เช่นเดียวกับ เคเบิลทีวี และ ค่าโทรสัพท์มือถือ เปรียบเทียบกับ โปรแกรมร้านอาหารแบบขายขาด เมื่อบริษัทได้ทำการขายไปแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่เมื่อผู้ใช้งานต้องการบริการหลังการขาย ก็อาจจะไม่ได้รับการให้บริการได้อย่างเต็มที่
ลดความเสี่ยงจากการปิดกิจการ
เป็นที่ทราบกันในหลายๆธุรกิจ ไม่เพียงแค่ ซอฟท์แวร์ เท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยบางครั้งเมื่อมีบริษัทที่ทำการตลาดสินค้าบางตัว เมื่อขายได้ในจำนวนที่พอใจแล้ว หรือ อาจจะขายไม่ได้ตามจำนวนที่ได้คาดหมายเอาไว้ เราก็เคยได้ยินกันว่าบริษัท อาจจะเลิกทำกิจการในธุรกิจนั้นไปเลย ทำให้คุณเสียเปล่ากับเงินการลงทุนในอุปกรณ์นั้นไปเลย ในส่วนของ โปรแกรมร้านอาหาร เราเองนั้นได้คุยกับร้านอาหารหลายร้านที่เปลี่ยนระบบร้านอาหารมาหลายยี่ห้อ และบริษัทก็ปิดตัวลง จนสุดท้ายก็มาหยุดที่ ระบบร้านอาหารของ FOURLEAF
คำถามสำคัญที่คุณจะต้องถามตัวคุณเองคือ “คุณจะใช้ Software ระบบร้านอาหาร ไปอีกนานแค่ไหน” ถ้าคำตอบของคุณคือ คุณจะใช้เพียงแค่ชั่วคราวเป็นเวลาไม่นานนัก โปรแกรมร้านอาหารขายขาด อาจจะตอบโจทย์ของคุณได้ แต่หากว่าคุณวางแผนที่จะใช้ ซอฟท์แวร์ระบบร้านอาหาร นั้นไปเป็นเวลานาน เป็นระบบที่ช่วยงานบริหาร คู่กับร้านของคุณ ช่วยทำรายงานการขาย และ คุณต้องการระบบทีมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากการปิดตัวของผู้ขาย เพื่อธุรกิจในระยะยาว ระบบที่มีการให้คุณชำระการใช้บริการแบบรายปี ที่เรียกว่า Annual Subscription จะเป็นระบบที่ตอบโจทย์คุณได้อย่างไม่ต้องส่งสัย
สู้ๆครับ 🙂
Comments are closed.